ความท้าทาย

WITNESS ทำงานโดยเชื่อมโยงสิทธิมนุษยชนและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยประชาชนคนธรรมดาทั่วโลกหลายล้านคนให้ได้พูดความจริงกับผู้ที่มีอำนาจผ่านเนื้อหาวิดีโอออนไลน์ Marianna Moneymaker ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ออนไลน์และการผลิตของ WITNESS กล่าวว่าภายในบริษัท WITNESS ก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีในการ “เพิ่มระดับการเข้าถึงและผลกระทบที่เกิดจากแคมเปญในทั่วโลก รวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อทำให้เกิดผลกระทบสูงสุดและทำให้การบริจาคทุกรายการเกิดมูลค่าสูงสุด”

นับตั้งแต่การก่อตั้งเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา WITNESS ได้ร่วมมือกับกลุ่มสิทธิมนุษยชนมากกว่า 300 กลุ่มในกว่า 80 ประเทศ ฝึกอบรมนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกว่า 3,000 คน พัฒนาเอกสารและเครื่องมือฝึกอบรมสำหรับการสร้างวิดีโอและความปลอดภัยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับสื่อด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะเป็นแห่งแรก (HUB) และรวมวิดีโอไว้ในแคมเปญอีกกว่า 100 แคมเปญ โดยภารกิจทั้งหลายเหล่านี้ก็มีความท้าทายเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานการสื่อสารระดับนานาชาติหรือการสร้างสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ HUB

เรื่องราว

WITNESS ใช้เครื่องมือต่างๆ ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่าน Google เพื่อการกุศลในการเสริมประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่กลุ่มเล็กๆ ผู้มุ่งมั่น 30 คน หลายปีที่ผ่านมา WITNESS ได้ใช้ Google Workspace เพื่อรักษาระดับผลงานให้มีความโดดเด่น เจ้าหน้าที่บางคนต้องเดินทางมากกว่านั่งทำงานในสำนักงาน และพวกเขาพึ่งพา Gmail และ Google ปฏิทิน เพื่อรับข่าวสารอัปเดตและเพื่อให้มีการประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา Google เอกสารช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้ทุกอย่าง นับตั้งแต่บล็อกโพสต์ไปจนถึงรายการสื่อ อีกทั้ง Google ฟอร์มยังช่วยในการรวบรวมเนื้อหาสำหรับโครงการที่กำลังจะมาถึง หรือวัดปฏิกิริยาจากผู้สนับสนุน

นอกเหนือจากโครงการริเริ่มเพื่อสร้างความตระหนักอื่นๆ WITNESS ได้สร้างช่อง YouTube ของแบรนด์ซึ่งมีผู้เข้าชมหลายล้านครั้งและมีสมาชิกหลายพันคน และองค์กรยังได้สร้างช่องใหม่เพิ่มขึ้นมาบน YouTube เพื่อเป็นช่องสำหรับสิทธิมนุษยชนโดยร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Storyful โดยเฉพาะ

นอกจากนี้พวกเขายังสร้างความน่าสนใจให้กับแคมเปญผ่านการทำการตลาดด้วยเครื่องมือค้นหาโดยใช้ Ad Grants และพวกเขาได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริจาคและติดตามประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยใช้ Google Analytics ผู้คนสามารถเห็นถึงความพยายามดังเช่นความยุติธรรมสำหรับผู้สูงอายุได้ใน www.elderjustice.org โดยใช้ Google Maps ส่วน Google+ และแฮงเอาท์ช่วยให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับหัวข้อที่เฉพาะเจาะจง องค์กรมีการวางแผนใช้แฮงเอาท์อย่างต่อเนื่องเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีขององค์กร

“Google เพื่อการกุศลช่วยเราเผยแพร่เนื้อหาที่น่าสนใจ ขณะที่ยังสามารถดำเนินงานประจำวันของเราทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

Matisse Bustos Hawkes รองผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารและการมีส่วนร่วม

ผลกระทบ

WITNESS เชื่อว่าประโยชน์จาก Google เพื่อการกุศลนั้นทวีคูณขึ้นเพราะโปรแกรมช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานอื่นๆ ของ Alphabet โดย Notes Matisse Bustos Hawkes รองผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารและการมีส่วนร่วมของ WITNESS กล่าวว่า “การได้พูดคุยกับ YouTube ทำให้เราได้ไอเดียในการสร้าง Custom Blur Tool บนแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักเคลื่อนไหวสามารถใช้เบลอส่วนประกอบในวิดีโอ เช่น ตัวตนของบุคคล ในขณะที่ยังแชร์เรื่องราวการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้”

WITNESS คอยกระตุ้นบริษัทด้านเทคโนโลยีรายอื่นๆ ให้เดินตามรอยของ YouTube เพราะการทำงานในลักษณะนี้สามารถช่วยปกป้องชีวิตของเหล่าผู้กล้าที่ออกมาเป็นพยานในเหตุการณ์ได้จริงๆ