ความท้าทาย

ภาวะขาดสารอาหารอย่างถึงที่สุดทำให้เด็กกว่า 1 ล้านคนต้องเสียชีวิตลงในแต่ละปี¹ แต่วิกฤตการณ์นี้ทั้งป้องกันและรักษาได้ Action Against Hunger พยายามเข้าถึงเด็กที่ขาดสารอาหารเหล่านี้ให้ทันเวลาเพื่อช่วยชีวิต แต่น่าเสียดายที่ Action Against Hunger ได้รับเงินทุนน้อยมากสำหรับการทำการตลาด การสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ แม้ว่าองค์กรต้องการลงทุนในด้านดังกล่าว แต่ก็ไม่มีทรัพยากรที่จำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถโปรแกรมของตน

ในฐานะองค์กรระดับโลก การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือสื่อสารที่ไม่ได้รวมอยู่ที่ศูนย์กลางของ Action Against Hunger ได้กลายเป็นความท้าทาย ทีมต่างๆ ใช้วิธีการที่แตกต่างกันในการรับส่งข้อความถึงกันและกัน และทุกครั้งที่มีคนต้องการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน เขาจำเป็นต้องค้นหาชื่อผู้ใช้ของเพื่อนคนดังกล่าวเสียก่อน แล้วจึงเพิ่มลงในแอปรับส่งข้อความที่เกี่ยวข้อง

การช่วยชีวิตคนของ Action Against Hunger หมายถึงการปฏิบัติงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง องค์กรจึงต้องพยายามดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์ของตนอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ อันตรายจากภัยธรรมชาติอย่างพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ในนิวยอร์กที่อาจตัดกระแสไฟที่หล่อเลี้ยงเซิร์ฟเวอร์ก็ทำให้องค์กรเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทุกอย่างไป

เครื่องมือของ Google ช่วยให้ Action Against Hunger เอาชนะความท้าทายเหล่านี้และมุ่งเน้นที่การช่วยชีวิตได้

เรื่องราว

Action Against Hunger อาศัยแนวทางแบบใหม่โดยสิ้นเชิงเพื่อรักษาภาวะทุพโภชนาการที่เรียกว่า "การจัดการภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันของชุมชน" (Community Management of Acute Malnutrition หรือ CMAM) พ่อหรือแม่สามารถนำครีมถั่วซึ่งอัดแน่นด้วยโปรตีนกับพลังงานและมีสารอาหารในระดับสูงกลับไปบ้านเพื่อให้เด็กรับประทานได้ อาหารเพื่อการรักษาที่พร้อมรับประทานเหล่านี้ (RUTF) ดูคล้ายกับโปรตีนแท่งและไม่ต้องมีการเตรียมหรือแช่เย็น การดูแลเด็กที่บ้านทำให้ไม่ต้องพาเด็กเดินทางไกลไปที่ศูนย์สุขภาพ พ่อแม่จึงมั่นใจได้ว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวจะยังมีสุขภาพดีเสมอ

ในการต่อสู้กับภาวะขาดสารอาหารหรือทุพโภชนาการ Action Against Hunger ใช้เครื่องมือของ Google หลายรายการ Ad Grants และ YouTube ช่วยให้ Action Against Hunger ระดมเงินได้มากขึ้นสำหรับโปรแกรมต่างๆ อีกทั้งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Action Against Hunger ใช้ Ad Grants เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการฉุกเฉินเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น เช่น เมื่อมีการประกาศภาวะอดอยากในซูดานใต้ องค์กรได้เปิดตัวโฆษณาเพื่อกำหนดเป้าหมายข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องและเพิ่มขีดความสามารถแก่ผู้คนในการเอาชีวิตรอด เมื่อโรคอีโบลากลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง Action Against Hunger ได้กำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดทันทีโดยใช้บัญชี Ad Grants เพื่อเปลี่ยนผู้คนที่กำลังค้นหาข้อมูลให้เป็นผู้ที่ลงมือกระทำ จากนั้นองค์กรได้ใช้ข้อมูลจาก Google Analytics ในการตัดสินใจ เพื่อปรับปรุงการระดมทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ อันที่จริงแล้ว องค์กรมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบปีละ 2 เท่าจากการใช้ Ad Grants และคาดการณ์ว่าจะเป็นเช่นนั้นอีกในปีนี้

นับตั้งแต่ย้ายไปใช้ Google Workspace ในปี 2013 วิธีการสื่อสารและการประสานงานของ Action Against Hunger ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตัวอย่างเช่น Google Meet ได้กลายเป็นแอปรับส่งข้อความเพียงแอปเดียวในองค์กร ซึ่งให้ทุกคนพูดคุยกันผ่านเครือข่ายทั่วโลกได้ทันที ตอนนี้คนทำงานที่สำนักงานในลอนดอนจะติดต่อเพื่อนร่วมงานในนิวยอร์กได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะผ่านการรับส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีหรือการใช้งาน Google Meet (การประชุมทางวิดีโอ) Gmail และ Google ไดรฟ์กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปัจจุบัน Google Workspace ได้กลายเป็นแกนหลักขององค์กรและช่วยให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันทั่วโลกมีประสิทธิภาพดีขึ้น การมีเอกสารเพียงเวอร์ชันเดียวและการทำงานร่วมกันในเอกสารได้ในแบบเรียลไทม์แม้ในเขตเวลาที่ต่างกันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสำคัญสำหรับองค์กรมากเพียงใด

“ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของผู้คนที่ขาดสารอาหารในสถานที่ที่ด้อยพัฒนาที่สุดในโลกลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองจริงๆ ต้องขอขอบคุณองค์กรอย่าง Google ที่ให้การสนับสนุน ความร่วมมือระหว่างเรากับ Google ช่วยให้เราก้าวหน้าไปอย่างมาก ในกัมพูชา เราใช้เทคโนโลยีของ Google ช่วยในการแก้ปัญหาภาวะโภชนาการต่ำได้อย่างยั่งยืน ในสหรัฐอเมริกา เราใช้ประโยชน์จาก Google Ad Grants และ Google Analytics ด้วย เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เราใช้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าในการทำงานทางออนไลน์ได้”

Andrea Tamburini ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Action Against Hunger

ผลกระทบ

เมื่อปีที่แล้วโปรแกรมโภชนาการของ Action Against Hunger เข้าถึงผู้คนจำนวน 1.5 ล้านคน¹ ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเด็กที่ได้รับการรักษาภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันอย่างรุนแรงมีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 เท่า¹ การลงทุนด้านโภชนาการเป็นหนึ่งในมาตรการที่ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก งานวิจัยใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่าทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ลงทุนในโภชนาการของเด็ก 1 คนในช่วง 1,000 วันแรกให้กำไรกลับมาโดยเฉลี่ย 16 ดอลลาร์² การลงทุนในด้านโภชนาการช่วยให้เด็กๆ มีรากฐานชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ รวมทั้งสร้างรากฐานเพื่อการก้าวไปข้างหน้าทั้งด้านสุขภาพและพัฒนาการได้อย่างยั่งยืนทั่วทั้งโลก

Ad Grants นำผู้คน 158,000 คนไปยังเว็บไซต์ขององค์กรในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและระดมเงินได้มากกว่า 66,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการรักษาเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการมีค่าใช้จ่ายเพียง 45 ดอลลาร์ต่อคน ตอนนี้เด็ก 1,466 คนจึงมีโอกาสรอดชีวิต

Action Against Hunger ระดมเงินได้มากกว่า 20,000 ดอลลาร์จากการแนะนำเว็บไซต์ผ่าน YouTube ซึ่งองค์กรติดตามได้โดยใช้การติดตามอีคอมเมิร์ซของ Google Analytics Google เพื่อการกุศลช่วยให้ Action Against Hunger หลุดพ้นจากปัญหาด้านทรัพยากรที่รุมเร้า และท้ายที่สุดก็ช่วยให้องค์กรช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้น

1. แหล่งที่มา: https://www.actionagainsthunger.org/impact/nutrition
2. แหล่งที่มา: https://www.actionagainsthunger.org/sites/default/files/publications/Action-Against-Hunger-2015-Annual-Report-web.pdf